อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า การดำเนินงานร้านค้าสหกรณ์ในปัจจุบันจะต้องมีการปรับปรุงร้านค้าให้ทันสมัย และสร้างจุดขายเพื่อให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อช่วยในการบริหารจัดการและบริหารธุรกิจ เพื่อให้มีความสะดวก รวดเร็ว นอกจากนี้ ช่องทางตลาดออนไลน์ก็มีส่วนสำคัญที่จะเป็นช่องทางสร้างโอกาสค้าขายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งร้านค้าสหกรณ์จะต้องเร่งปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจเพื่อรักษาตลาดของตนเอง เพิ่มทักษะความรู้ด้านการดำเนินธุรกิจให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของตลาดปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง สามารถแข่งขันทางธุรกิจกับคู่แข่งที่มีอยู่เดิมและเกิดขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันร้านค้าสหกรณ์ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในสถานประกอบการของรัฐประมาณ 100 กว่าแห่ง ที่ยังดำเนินการได้อยู่ โดยอธิบดีฯ เน้นย้ำว่า ควรมีการขับเคลื่อนเชื่อมโยงสินค้าระหว่างสหกรณ์ภาคการเกษตรและร้านค้าสหกรณ์ นำพืช ผลไม้ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสหกรณ์ภาคการเกษตรมาวางจำหน่าย รวมทั้งคำนึงในเรื่องการบริหารจัดการร้าน สมาชิกต้องมีส่วนร่วมกับสหกรณ์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม กรมฯ พร้อมสนับสนุนเรื่องเงินทุน และจัดหาวิทยากรเข้าไปการอบรมให้ความรู้ และขอให้นำความรู้ที่ได้รับจากการประชุมในครั้งนี้ไปปรับใช้ในการดำเนินงานของร้านค้าสหกรณ์ต่อไป

สำหรับโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาการดำเนินธุรกิจด้านร้านค้าสหกรณ์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 22 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจของสหกรณ์ร้านค้าสหกรณ์และขยายโอกาสทางการตลาด ส่งเสริมความร่วมมือเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างร้านค้าสหกรณ์กับเครือข่ายสหกรณ์ผู้ผลิต วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม ชุมชน และภาครเอกชน กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ผู้แทนสหกรณ์ร้านค้า จำนวน 37 แห่ง เจ้าหน้าที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัด เจ้าหน้าที่สำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 และพื้นที่ 2 จำนวน 26 จังหวัด วิทยากร ผู้สังเกตการณ์ และเจ้าหน้าที่โครงการ รวมทั้งสิ้น 70 คน